Recent posts

#1

TOYOTA COROLLA CROSS Hybrid Premium Safety รุ่นท็อปสุดของรุ่นนี้ ที่มีของแบบจัดหนักจัดเต็มแบบสุดๆ มาพร้อมกับความหรูหรา สะดวกสบาย ที่จะพาทุกท่านเดินทางอย่างราบรื่น รู้สึกสนุกตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแบบไหน ก็เดินทางไปไม่มีปัญหา น่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของใครหลายท่าน ที่กำลังรอคอยรถยนต์รุ่นนี้ออกมาเปิดตัว
ขุมกำลังของ TOYOTA COROLLA CROSS Hybrid Premium Safety

เครื่องยนต์
•   ใช้เครื่องยนต์ 2ZR-FXE แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว
•   ปริมาตรความจุของกระบอกสูบอยู่ที่ 1,798 ซีซี
•   กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 72 แรงม้า ที่/ 5,200 รอบต่อนาที
•   แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ 142/ 3,600 นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที
•   รองรับการใช้น้ำมัน E20
•   ความจุถังน้ำมัน 47 ลิตร
•   อัตราประหยัดน้ำมัน 23.3 กิโลเมตร/ลิตร

มอเตอร์ไฟฟ้า
•   ใช้เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัส 600 โวลต์
•   กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์
•   แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร

ดีไซน์ภายนอก
รุ่นนี้เป็นรุ่นเดียวที่มาพร้อมกับหลังคาแบบมูนรูปไฟฟ้า ในส่วนของไฟหน้าของรุ่นนี้ ได้ไฟหน้า LED แบบไฮบริดจ์ ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED LIGH GUIDING ไฟเลี้ยวด้านหน้าเป็นแบบ LED กระจกมองด้านข้างมีไฟหน้าในตัว และพับเก็บอัตโนมัติเมื่อจอด ระบบการเปิดปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home ไฟท้ายเป็นแบบ LED ไฟเบรกดวงที่ 3 เป็นแบบ LED ใช้เสาอากาศแบบครีบฉลาม และแผ่นกันความร้อนที่ฝากระโปรง

ดีไซน์ภายใน
เบาะนั่งภายในรถเป็นเบาะหนังและวัสดุสังเคราะห์ เบาะ สีภายในของรุ่นนี้เป็นสีแดง Terra Rossa ดำ นั่งด้านหลังสามารถพับแยกได้ พนักวางแขนด้านหน้า สามาถปรับเลื่อนได้ มือเปิดประตูเป็นโครเมียม แผงกั้นสัมภาระด้านท้ายรถ จอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง กระจกหน้าต่างพร้อมป้องกันการหนีบ 4 ตำแหน่ง กระจกแต่งหน้าบริเวณแผงบังแดด ระบบสตาร์ตแบบอัจฉริยะ ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
รุ่นนี้ได้เป็นหน้าจอสีแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth สามารถเชื่อมโยงกับระบบ Apple Carplay ระบบเชื่อมต่อ T-Connect ลำโพง 6 ตำแหน่ง พร้อมกับระบบการโทรออกด้วยเสียงได้

ระบบความปลอดภัยของ TOYOTA COROLLA CROSS Hybrid Premium Safety
ถุงลมนิรภัยระบบ SRS คู่หน้า ด้านข้าง ม่านคนขับ หัวเขาคนขับ และเบาะนั่งด้านหลัง ระบบความปลอดภัยก่อนการชน  รุ่นนี้มาพร้อมระบบเบรกแบบ(ABS) ป้องกันล้อล็อก ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ ระบบกุญแจนิรภัยระบบการช่วยออกตัวเมื่ออยู่บนที่ลาดชัน(HAC) เข็ม ระบบกระจายแรงเบรกแบบ(EBD) และระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน ตัวช่วยควบคุมการทรงตัว(VSC) ขัดนิรภัยด้านหน้า 2 จุด และด้านหลัง 3 จุด เข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับ และผ่อนแรงอัตโนมัติ ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน กล้องมองขณะถอยหลัง

ราคา
TOYOTA COROLLA CROSS Hybrid Premium Safety มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 1,204,000 บาท

หากท่านต้องการความหรูหราแบบขีดสุด พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายทุกด้าน รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ที่สุด จะเป็นเส้นทางแบบใด ก็ไม่หวั่น ให้ท่านเดินทางไม่รู้สึกเบื่ออีกต่อไป
#2

เป็นอีกรุ่นที่ของ Toyota Revo Smart Cab Z Edition 2.4 MID AT ที่มียอดขายสูงไม่แพ้รุ่นอื่น โดยเฉพาะกับงานที่ต้องบรรทุกของหนักๆ รุ่นนี้จะเป็นตัวเลือกแรกเสมอ เพราะว่าขึ้นชื่อในเรื่องของความแข็งแกร่ง พละกำลังเหลือล้น ทำให้การบรรทุกสิ่งของต่างๆ จะหนักหรือเบา จะไกลแค่ไหน ก็มั่นใจหายห่วงได้เลย และด้วยราคาที่ไม่ถึงล้านด้วย ตัวนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว กับการใช้ในการทำธุรกิจต่างๆ ไม่มีผิดหวังแน่นอน

เครื่องยนต์และสมรรถนะ
ในรุ่นปี 2023 ของ Toyota Revo Smart Cab Z Edition 2.4 MID AT มาพร้อมเครื่องยนต์ 2GD-FTV (High) 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Turbocooler
•    ขนาดเครื่องยนต์ (CC) 2,393 CC
•    กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า) 150 แรงม้า
•    แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที
•    ระบบเกียร์ เกียร์ออโต้ 6AT
•    รูปแบบเกียร์ พร้อม Sequential Shift
•    รองรับเชี้อเพลิง ดีเซล
•    ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร

ดีไซน์ภายนอก
รถกระบะที่พร้อมจะลุยกับทุกงาน ไม่ว่าจะงานหนักงานเบา ดีไซน์ภายนอกของ รุ่นนี้มาพร้อมกับล้อหน้าขนาด 16 นิ้ว ที่เหมาะกับงานบรรทุก,ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ที่มีระบบเปิดปิดอัตโนมัติ มาพร้อมกับระบบ Follow-me-home, ,กระจกมองข้างเป็นแบบไฟเลี้ยวในตัว,กระจกหลังเป็นแบบไล่ฝ้าอัตโนมัติ ทำให้มองเห็นได้ชัดแม้ว่าฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัด, เสาอากาศแบบสั้น

ดีไซน์ภายใน
Toyota Revo Smart Cab Z Edition 2.4 MID AT ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งให้เป็นโทนสีดำจะได้อุปกรณ์ภายในและมาตรวัดต่างๆ เป็นแบบเรืองแสง สามารถมองเห็นในที่มืดได้อย่างชัดเจน, เบาะของที่นั่งคนขับสามารถปรับระดับสูงต่ำได้ตามคนขับ, พวงมาลัยคนขับ สามารถปรับระดับสูงต่ำ และปรับเข้าออกได้, มาพร้อมกับปลั๊กไฟขนาด 12 โวลต์ ทั้งหมด 2 ตำแหน่ง, พวงมาลัยเป็นแบบหุ้มหนังได้,

เทคโนโลยีและความปลอดภัย
รุ่นนี้ให้ระบบความปลอดภัยมาครบมาก เรียกว่าครบที่สุด ได้แก่ กุญแจรีโมต ที่สามารถควบคุมระยะไกลได้, เข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับ, ถุงลมนิรภัยตรงคนขับ และที่นั่งด้านหน้า,ตัวถังแบบนิรภัย เสริมความแข็งแกร่ง และปลอดภัยยิ่งขึ้น,พวงมาลัยที่สามารถยุบตัวได้, คานเหล็กที่เสริมความแข็งแรงเพิ่มความปลอดภัย, ระบบล็อคประตูแบบอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันไม่ให้ลืมล็อกรถ, ระบบกระจายแรงเบรกแบบอัตโนมัติแบบ EBD,ไฟเบรกดวงที่ 3, หลอดไฟส่องสว่างในตอนกลางวัน Daytime Running Lights, ระบบเซ็นทรัลล็อค

ราคาจำหน่าย 760,000 บาท
เมื่อเห็นราคาเปิดตัวเท่านี้ บอกเลยว่า Toyota Revo Smart Cab Z Edition 2.4 MID AT ยังไงก็คุ้มค่า คนที่เคยได้ลองขับ ได้ลองเอาไปใช้บรรทุกมาบ้างแล้ว คงจะทราบดีว่ารุ่นนี้มีความพิเศษอย่างไรบ้าง เหมาะกับการใช้งานหนักทุกชนิด บรรทุกได้เยอะ โครงสร้างแข็งแรง ทำให้มั่นใจทุกสภาพเส้นทางที่ไป
#3

ล่าสุดเว็บไซต์ชื่อดังของอังกฤษ ได้จัดอันดับของรถยนต์จากค่ายดังอย่าง Porsche ในหัวข้อของรถรุ่นที่สวยที่สุดที่ทางค่ายเคยทำออกมาตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุดปัจจุบัน โดยผลลัพธ์ออกมาได้คัดเลือกมาเหลือ 9 รุ่นแบบไม่จัดอันดับ ส่วนจะมีรุ่นไหนติดอันดับบ้างนั้น จะเป็นรุ่นที่คุณชอบหรือว่าเชียร์อยู่หรือไม่ ไปติดตามดูกันได้เลย

TOP 9 รถปอร์เช่ที่สวยที่สุดในโลก 2023

-    356 ปอร์เช่
นี่คือรุ่นแรกสุดที่ทางค่ายผลิตออกมา ได้สร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งโลกอย่างรวดเร็ว ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนรถรุ่นไหนที่เคยมีบนโลกในช่วงปีที่รถออกมา 1948 จึงไม่แปลกใจที่รุ่นนี้ติดอันดับ TOP 10 ตลอดกาลของทางค่าย

-    ปอร์เช่ 911
ว่ากันว่านี่คือรถแบบอนุกรมที่ดีที่สุด ในการใช้เป็นรถแข่ง ที่สามารถดัดแปลงได้อย่างหลากหลายตามใจชอบ ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น แล้วแม้รถจะถูกผลิตขึ้นมาในปี 1964-1975 แต่ในปี 2023 นี้ ความนิยมคงไม่จางหาย

-    ปอร์เช่ 356 1500 Speedster
รุ่นนี้เป็น ปอร์เช่ ที่ถูกออกแบบมาเน้นไปยังคู่รัก กับความโรแมนติกที่อบอวลไปด้วยความรักของเจ้าของ ความสวยงามต้องบอกว่ามาเต็มสุดๆ

-    ปอร์เช่ 911 Carrera RS
รุ่นนี้กำลังเป็นที่สะสมและตามหากันทั่วโลกในปี 2023 เพราะความคลาสสิคสวยงามที่หาไม่ได้แล้ว ถูกยกให้เป็น ปอร์เช่ ที่สวยงดงามตลอดกาลอีกรุ่นหนึ่ง

-    914 ปอร์เช่
ความพิเศษของรุ่นนี้ คือการร่วมพัฒนากับ Volkswagen ทำให้มีความพิเศษมากกว่ารุ่นปกติของทางค่าย แล้วหลังคารถยังถอดได้ ทำให้กลายเป็นที่จดจำและสวยที่สุดอีกรุ่นของ ปอร์เช่ ที่เคยมี

-    928 ปอร์เช่
ตั้งแต่รุ่นนี้ออกสู่สายตาของโลก ได้กลายเป็นรุ่นอันดับ 1 ของยุโรปมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 1977 ถึง 1995 ฉะนั้นแล้วจึงไม่แปลกที่จะอยู่ในอันดับสวยงามตลอดกาลไปอีกรุ่น

-    ปอร์เช่ Speedster
จุดเด่นของรุ่นนี้คือการเป็นรถเปิดประทุน 2 ประตูแบบพิเศษที่มีทรงลักษณะของรถสปอร์ต เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่ายกล้าทำออกมาในปี 1989 แล้วผลตอบรับเป็นไปอย่างเยี่ยมยอด

-    ปอร์เช่ Boxster
ถูกผลิตขึ้นในปี 1996 เป็นปอร์เช่อีกรุ่นที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ที่มี แล้วยังคงมีแฟนๆต่างตามหาต้องการมีไว้ในครอบครองอีกรุ่นอย่างมาก

-    ปอร์เช่ 911 Turbo
เป็นรุ่นแรกในทศวรรษ 20 และแน่นอนว่ากลายเป็นรุ่นยอดนิยมในทันทีเมื่อออกมา ความสวย ความงาม รุ่นนี้โดนใจไม่ต่างจากรุ่นอื่นๆเลยทีเดียว
#4


Nissan Navara Double Cab PRO-4X 4WD 7AT กระบะที่มีความดุดัน แข็งแกร่ง พร้อมลุยได้ทุกที่ทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นสภาพเส้นทางแบบไหน จะบรรทุก หรือเดินทาง บอกเลยว่าเอาอยู่ทุกเส้นทาง ด้วยกำลังของเครื่องยนต์ที่ให้มาอย่างเต็มพิกัด ที่สำคัญอัตราการประหยัดน้ำมันก็ทำได้ดียิ่งขึ้น 

เครื่องยนต์และสมรรถนะ
เครื่องยนต์ YS23DDTT เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบคู่แปรผัน (VGS) อินเตอร์คูลเลอร์
•   ขนาดเครื่องยนต์ (CC) 2,298 CC
•   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า) 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที
•   แรงบิด 450 นิวตันเมตร/รอบต่อนาที
•   ระบบเกียร์ เกียร์ออโต้ 7AT
•   รองรับการใช้น้ำมัน ดีเซล, B7, B10, B20

ดีไซน์ภายนอก
ภายนอกออกแบบให้ดูดุดัน ตามสไตล์ออกโรด แต่ยังคงรูปลักษณ์ของนิสสันเอาไว้อย่างครบถ้วนทุกประการ ไฟหน้าเป็นแบบ LED โปรเจกเตอร์ขนาด 4 ดวง ที่เพิ่มความสว่างได้มากขึ้น กระจังด้านหน้าออกแบบใหม่ให้ดุดัน มาพร้อมกับแผงกันกระแทกด้านล่างแบบใหม่ ไฟตัดหมอกแบบ LED ที่สว่างยิ่งขึ้น ไฟท้ายเป็นแบบ LED และส่วนของฝาท้ายเป็นแบบผ่อนแรง ให้การยกรู้สึกเบาขึ้น กันชนท้ายแบบใหม่ ตะขอสำหรับยึดสัมภาระ สามารถเลื่อนได้

ดีไซน์ภายใน
ในห้องโดยสารด้านใน มีการตกแต่งในแบบที่เรียบง่าย แต่ว่าก็ดูหรูหราไม่น้อย รูปลักษณ์เป็นทรงสปอร์ตสวยงาม เบาะนั่งนุ่มสบาย ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำ เบาะนั่งคนขับเป็นแบบปรับระดับสูง-ต่ำได้ตามสรีระผู้ขับ มีจุดเชื่อมต่อปลั๊กไฟขนาด 12 โวลต์ พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังแท้ กระจกมองหลังมีตัวช่วยในการตัดแสงได้ดี มีม่านบังแดด มีมาตรวัดแสดงผลเป็นแบบจอสีขนาด 7 นิ้ว ดูข้อมูลได้ละเอียด ครบถ้วน

เทคโนโลยีและความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัยของ Nissan Navara Double Cab PRO-4X 4WD 7AT ต้องบอกว่าให้มาแบบจัดเต็มสุดๆ ไม่ว่าจะเป็น กุญแจนิรภัย ตัวช่วยในการควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัติ ไฟเบรกดวงที่สามเป็นแบบ LED ให้ความคมชัดมากขึ้น เพิ่มหลอดไฟส่องสว่างในตอนกลางวัน คานเหล็กเสริมนิรภัย ให้ความแข็งแรงที่มากกว่า กล้องอัจฉริยะที่มองได้รอบทิศทาง ระบบช่วยในการออกตัว เมื่อจอดบนที่ลาดชัน หรือว่าออกตัวบนที่ลาดชัน ระบบช่องป้องกันล้อหมุนฟรี กล้องบันทึกวิดีโออัตโนมัติ กระจกนิรภัย เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ระบบการเบรกแบบ ABS และระบบช่วยในการกระจายแรงเบรก ระบบช่วยในการควบคุมการทรงตัว ตัวถังแบบนิรภัย ระบบป้องกันการขโมย พร้อมกุญแจแบบนิรภัย

ราคาจำหน่าย 1,160,000 บาท

จะเห็นว่าเมื่อเทียบรถกระบะในราคาที่ใกล้เคียงกันกับของรุ่นอื่น Nissan Navara Double Cab PRO-4X 4WD 7AT ได้ของติดรถมาค่อนข้างเยอะกว่าหลายอย่างทีเดียว เป็นรถที่มีสมรรถนะครบเครื่องสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกสิ่งของก็ดี หรือจะเป็นการใช้เดินทางก็ดี รุ่นนี้เอาอยู่ทุกงาน ทุกสภาพพื้นถนนอย่างง่ายดาย
#5

พอได้ยินชื่อว่าภูเก็ต สิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงก็คือ สถานที่ท่องเที่ยวนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นเกาะ หรือทะเลที่สวยงามที่สวยงาม จนกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจของชาวต่างชาติและคนไทย วันนี้เราก็เลยนำแหล่งท่องเที่ยวอีกหนึ่งที่ ที่เป็นหนึ่งที่ที่ควรไป นั่นก็คือ หาดฟรีด้อม บอกเลยว่าความงามไม่แพ้หาดใดเลยหแหละ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวเยอะขนาดนี้ แถมยังเป็นหาดที่สวยติดอันดับโลกอีกต่างหาก

กิจกรรมที่น่าสนใจ

เมื่อทุกท่านเดินทางมาถึง หาดฟรีด้อม สิ่งที่จะเห็นเป็นอย่างแรก ก็คือหาดทรายที่ขาวสะอาด และกว้างขวาง ทำให้เหมาะกับการทำกิจกรรมริมหาด พร้อมทั้งมีน้ำที่ใสสะอาดอีกด้วย มาดูกันว่าถ้ามาเที่ยวที่นี่แล้ว เราสามารถทำกิจกรรมอะไรได้บ้าง
•   เล่นน้ำ เป็นกิจกรรมที่ทุกท่านไม่ควรพลาดเลย เพราะน้ำใสสะอาดน่าเล่นมาก และมีพื้นที่ที่ไม่ลึกเกินไป ซึ่งเหมาะกับการลงเล่นน้ำเป็นอย่างดี แต่ก็ต้องเลือกเล่นในสภาพภมิอากาศที่ปรกติเท่านั้น หากมีพายุ หรือมรสุม หรือมีการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ ควรงดการลงเล่นน้ำทันที
•   ดำน้ำดูปะการัง อันนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว หากคุณอยากจะชมความสวยงามใต้ท้องทะเล ที่ หาดฟรีด้อม ก็มีปะการังสวยๆ ให้ดูเยอะ เป็นกิจกรรมดำน้ำตื้นๆ แต่ว่ามีอะไรให้เห็นเยอะมาก ทั้งสัตว์น้ำ และอีกมากมาย
•   เดินพักผ่อนชมวิว หากคุณเป็นคนที่ชอบความชิวๆ ก็สามารถเดินเล่นชมวิวทิวทัศน์ ชมความงามของเกาะได้เลย อาจจะหามุมสวยๆ ในการถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็ได้
•   นอนอาบแดด เนื่องจากเป็นชายหาดที่มีพื้นที่เยอะ จึงเหมาะอย่างยิ่งต่อการนอนอาบแดด
การเดินทาง
•   ท่านสามารถเดินทางเพื่อไปยัง หาดฟรีด้อม ได้ทั้งการขับรถ หรือการนั่งเรือไปถึงเกาะได้เลย ใช้เส้นทางเดียวกันกับเส้นป่าตอง ขับไปไม่นานก็จะเจอป้ายทางบอกทางหาดฟรีด้อม  ที่นี่มีที่จอดให้อย่างเพียงพอด้วย

ค่าบริการในการเข้าชม ฟรี

ที่พักและอาหาร
บริเวณใกล้เคียงหาดฟรีด้อม มีโรงแรมและที่พักให้เลือกพักค่อนข้างเยอะ ท่านสามารถเลือกพักได้ตามความสะดวกได้เลย อาหารการก็มีให้เลือก อร่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารจากโรงแรมก็ดี จากร้านอาหารทั่วไปก็ดี หากท่านต้องการเที่ยวในช่วงเทศกาล ควรทำการจองที่พักเอาไว้ล่วงหน้าก่อน เพื่อความชัวร์ เนื่องจากช่วงเทศกาล หรือว่าวันหยุด จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้ามาเที่ยวและใช้บริการห้องพักค่อนข้างเยอะ เพื่อที่ท่านจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาหาในภายหลัง

พิกัดของ หาดฟรีด้อม
ตั้งอยู่ที่ ตำบลกะรน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
#6

จุดสูงสุดของนักกีฬาเทนนิสทุกคนบนโลกคือการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมมาครองให้ได้สักครั้งในชีวิต เพราะนี่คือรายการใหญ่ที่สุดแล้วของเทนนิส ซึ่งในแต่ละปีจะมีจัดด้วยกันอยู่ 4 ครั้งคือ ออสเตรเลียนโอเพ่น, เฟรนช์ โอเพ่น, วิมเบิลดัน และ ยูเอสโอเพ่น ทั้ง 4 รายการคือศึกที่สุดยอดที่สุดจากการรวบรวมเอานักเทนนิสที่เยี่ยมยอดที่สุดของโลกมาห้ำหั่นเพื่อหาความเป็นหนึ่งในแต่ละปี และในบทความนี้จะมาสรุปให้รู้กัน ว่าใครคือคนที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้มากที่สุดตลอดกันแน่

10 อันดับนักเทนนิสชายที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้มากที่สุด

10. เฟร็ด เพอร์รี่ (Fred Perry) คว้าแชมป์ได้ 8 สมัย
9. แจ็ค เครเมอร์ (Jack Kramer) กับ บิล ทิลเดน (Bill Tilden)  คว้าแชมป์ได้ 10 สมัย
7. ร็อด เลเวอร์ (Rod Laver) กับ บียอร์น บอร์ก (Bjorn Borg) คว้าแชมป์ได้ 11 สมัย
5. รอย อีเมอร์สัน (Roy Emerson) คว้าแชมป์ได้ 12 สมัย
4. พีท แซมพราส (Pete Sampras) คว้าแชมป์ได้ 14 สมัย
3. โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ (Roger Federer) คว้าแชมป์ได้ 20 สมัย
2. ราฟาเอล นาดาล (Rafael Nadal) คว้าแชมป์ได้ 22 สมัย   
1. โนวัค ยอโควิช (Novak Djokovic) คว้าแชมป์ได้ 23 สมัย   


   สำหรับ โนวัค ยอโควิช พึ่งจะมาแซง ราฟาเอล นาดาล ในการคว้าแชมป์เฟรนช์ โอเพ่นมาครองเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2023 นี่เอง หลังครองคู่อันดับ 1 ร่วมกันมาก่อน ทำให้นักเทนนิสฝีมือเยี่มยอดชาวเซอร์เบียคนนี้ กลายเป็นนักเทนนิสชายที่ครองแชมป์แกรนด์สแลมได้มากที่สุดตลอดกาล แล้วยังถูกยกย่องอย่างมากว่านี่คือนักเทนนิสที่สุดยอดที่สุดคนหนึ่งที่โลกใบนี้เคยมีมา

   เมื่อรู้อันดับของนักเทนิสชายแล้ว มาดูฝั่งนักเทนนิสหญิงกันบ้าง ว่าใครกันที่คว้าแชมป์รายการแกรนด์สแลมมาครอบครองได้มากที่สุด โดยผลทั้งหมดมีดังนี้

นักเทนนิสหญิงที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้มากที่สุด

1.   มาร์กาเร็ต คอร์ต (Margaret Court) คว้าแชมป์ได้ 24 สมัย
2.   เซเรน่า วิลเลียมส์ (Serena Williams) คว้าแชมป์ได้ 23 สมัย
3.   สเตฟานี กราฟ (Steffi Graf) คว้าแชมป์ได้ 22 สมัย
4.   เฮเลน วิลส์ มูดี้ (Helen Wills Moody) คว้าแชมป์ได้ 19 สมัย
5.   คริส เอเวิร์ต (Chris Evert) กับ มาร์ตินา นาฟราติโลวา (Martina Navratilova) คว้าแชมป์ได้ 18 สมัย
6.   บิลลี่ จีน คิง (Billie Jean King) คว้าแชมป์ได้ 12 สมัย
7.   มอรีน คอนนอลลี่ (Maureen Connolly Brinker) คว้าแชมป์ได้ 11 สมัย
8.   วีนัส วิลเลียมส์ (Venus Williams) คว้าแชมป์ได้ 7 สมัย


สำหรับกีฬาเทนนิส คือกีฬาที่นิยมการอย่างมากชนิดหนึ่งไปทั่วโลก ในบ้านเราเองก็เคยมีนักกีฬาที่เคยเก่งกาจมากๆจนก้าวไปติด TOP 10 ของโลกมาแล้วเช่นกันอย่าง ภราดร ศรีชาพันธ์ จนกลายเป็นไอดอลแรงบันดาลใจของใครหลายคนเลยทีเดียว
#7

ประวัติ มิคาอิล อันโตนิโอ กองหน้าทีมชาติจาไมก้าของ เวสต์แฮม
ทีมชาติ : จาไมก้า 12 นัด – 3 ประตู (2021-?)
สโมสรปัจจุบัน : เวสต์แฮม 279 นัด – 77 ประตู (2015-?)


มิคาอิล อันโตนิโอ (Michail Antonio) เกิดวันที่ 28 มีนาคม 1990 ที่ประเทศอังกฤษ เริ่มเล่นฟุตบอลระดับเยาวชน กับสโมสร Tooting & Mitcham United ในปี 2002 แล้วเป็นนักเตะอาชีพในปี 2008 เปิดตัวด้วยการยิง 10 ประตูจาก 12 นัดรวมทุกรายการ จึงถูก เรดดิ้ง (เดอะ แชมป์เปียนชิพ) ซื้อตัวไปร่วมทีมในฤดูกาล 2008/09 แต่ไม่ได้ลงเล่นสักนัด จากนั้นถูกปล่อยไปเก็บเลเวลกับ Cheltenham Town (ลีกวัน) เซาแธมป์ตั้น (ลีกวัน) โคลเชสเตอร์ (ลีกวัน) และ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ (ลีกวัน) ทีมละ 1 ฤดูกาล แต่ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย

อย่างไรก็ตาม ฤดูกาล 2012/13 เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ซื้อตัว มิคาอิล อันโตนิโอ ไปร่วมทีมถาวร ได้ลงเช่นเดอะ แชมป์เปียนชิพ 37 นัด ยิง 8 ประตู ต่อด้วยการยิงอีก 4 ประตูจาก 37 นัดในฤดูกาล 2013/14 แล้วถูกขายให้ ฟอเรสต์ (เดอะ แชมป์เปียนชิพ) ในฤดูกาล 2014/15 ทำผลงานน่าประทับใจด้วยการยิง 18 ประตู จากการลงเล่น 45 นัดรวมทุกรายการ

ฤดูกาล 2015/16 มิคาอิล อันโตนิโอ ออกตัวด้วยการยิง 4 ประตูจาก 5 นัดรวมทุกรายการ แล้วในฤดูกาลนั้นถูก เวสต์แฮม ซื้อตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์ พร้อมสัญญา 4 ปี ออกสตาร์ทด้วยการยิง 8 ประตูจากการลงเล่นพรีเมียร์ลีก 26 นัด

อีก 3 ฤดูกาลต่อมา มิคาอิล อันโตนิโอ ยังได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่อง ลงเล่น 96 นัดรวมทุกรายการ ยิง 19 ประตู จากนั้นระหว่างฤดูกาล 2019/20-2021/22 อันโตนิโอยิงพรีเมียร์ลีก 10 ประตู สามซีซั่นติดต่อกัน แต่ยังไม่สามารถพา เวสต์แฮม ประสบความสำเร็จในรายการใดได้

ฤดูกาล 2022/23 มิคาอิล อันโตนิโอ ยังเป็นแกนหลักของ เวสต์แฮม อย่างต่อเนื่อง ยิง 5 ประตู จ่าย 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่นพรีเมียร์ลีก 33 นัด (ตัวจริง 21 สำรอง 12) แล้วไประเบิดฟอร์มเทพในรายการ ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ลีก 2022/23 ด้วยการยิง 6 ประตู จ่าย 2 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 9 นัด แบ่งเป็นการยิง 2 ประตูใส่ ลานาก้า (ชนะ 2-0) ในรอบ 16 ทีมนัดแรก ตามด้วยการยิง 2 ประตูใส่ KAA Gent (ชนะ 4-1) ในรอบ 8 ทีมนัดที่ 2 และยิงอีก 1 ประตูใส่ อัล์คมาร์ (ชนะ 2-1) ในรอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ส่วนรอบชิงชนะเลิศ อันโตนิโอยืนเป็นหน้าเป้า ขนาบข้างด้วย จาร์ร็อด โบเว่น และ ซาอิด เบนราห์มา อยู่ในสนาม 90+4 นาที แม้จะยิงไม่ได้ แต่ก็ช่วยให้ทีมเอาชนะ ฟิออเรนติน่า 2-1 คว้าแชมป์ไปครอง
ฤดูกาล 2023/24 (ปัจจุบัน) มิคาอิล อันโตนิโอ ยังเป็นกำลังหลักของ เวสต์แฮม เช่นเดิม ลงสนาม 3 นัด ยิง 2 ประตู
#8

กองหน้าชาวฝรั่งเศส ที่เคยเป็นที่จับตามองของทีมยักษ์ใหญ่ทั่วโลก นั่นก็คือ อ็องโตนี มาร์ซียาล ที่เล่นให้กับทีมยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ปัจจุบันอยู่ในสัญญาการยืมตัวกับทีม เซบียา ลองมาดูประวัติของกองหน้าคนนี้กัน ว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง ถึงได้รับความนิยมมากขนาดนี้

ชื่อเต็ม อ็องโตนี ฌอร์ดาน มาร์ซียาล
วันเกิด 5 ธันวาคม ค.ศ. 1995 (27 ปี)   
สถานที่เกิด มาซี, ฝรั่งเศส
ส่วนสูง 1.81 ม. (5 ฟุต 11 นิ้ว)
ตำแหน่ง กองหน้า


เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลของ อ็องตอนี มาร์ซียาล

ชีวิตของ มาร์ซียาล เริ่มรู้จักฟุตบอลมาตั้งแต่ยังเด็กเลย ตั้งแต่ที่จำความได้ เขาก็มีแต่ฟุตบอลในชีวิตตลอดมา และเริ่มเล่นจริงจังให้กับสโมสรเยาวชนของ CO Les Ulis ตั้งแต่ปี 2001-2009 ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวอายุเพียงแค่ 6 ปีเท่านั้น แบละหลังจากอยู่กับทีมมาได้ถึง 9 ปี มาร์ซียาล ก็ได้ย้ายมาเล่นให้กับสโมสรเยาวชนของทีม ลียง ในปี 2009-2012 หลังจากที่เล่นให้กับทีมเยาวชนอยู่ถึง 4 ปี เจ้าหนู มาร์ซียาล ก็เริ่มได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของลียงบ้างแล้ว โดยในปี 2012-2013 แล้วก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สุดท้าย โมนา ก็ได้ทำการซื้อตัวไปร่วมทีมในปี 2013-2015 ฤดูกาลนั้นยิงไปทั้งหมด 11 ประตู จากการลงเล่น 49 นัด

ด้วยฟอร์มที่ มาร์ซียาล โชว์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่ที่อยู่กับ ลียง และย้ายมาที่ โมนาโก ทำให้ฝีเท้าไปเข้าตาแมวมองของยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ นั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และได้ทำการเจรจาขอซื้อเข้ามาร่วมทัพในปี 2015 และเขาก็โชว์ฟอร์มถูกใจแฟนบอล พร้อมกับสร้างชื่อให้กับตัวเองมากขึ้น เขาเล่นอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 7 ปี และในปี 2022 นี่เอง ด้วยฟอร์มที่ตกอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ไม่ค่อยได้ลงสนามบ่อย เลยถูกยืมตัวไปเล่นให้กับทีม เซบีย่า และในฤดูกาลต่อมา เขาก็ได้กลับมาเล่นให้กับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้งหนึ่ง

สำหรับผลงานของการรับใช้ทีมชาติ ตัวของ มาร์ซียาล เริ่มเล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศสตั้งแต่ชุดเยาวชนในปี 2010-2011 และลงเล่นให้กับทีมชาติอายุไม่เกิน 18 ปี ในปี 2012-2013 แต่ทำผลงานไม่ดีนักเท่าไหร่ และในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี เขาก็ได้ลงเป็นตัวจริงทั้งหมด 5 เกม แต่ไม่สามารถจบสกอร์ได้เลย ทำให้ผลงานของ มาร์ซียาล ในระดับทีมชาติ ไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ แต่ด้วยอายุยังไม่เยอะมาก เขาก็พร้อมที่จะพัฒนา และช่วยเหลือทีมชาติได้เสมอ มีเวลาที่เขาจะได้พิสูจน์อีกเยอะมาก
#9

ประวัติ คาโอรุ มิโตมะ แนวรุกทีมชาติญี่ปุ่นของ ไบรท์ตัน
คาโอรุ มิโตมะ Kaoru Mitoma ทีมชาติญี่ปุ่น (17 นัด | 7 ประตู)
สโมสรปัจจุบัน ไบรท์ตั้น (43 นัด | 11 ประตู)

คาโอรุ มิโตมะ เกิดวันที่ 20 พฤษภาคม 1997 (26 ปี) ที่ประเทศญี่ปุ่น เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนกับสโมสร Kawasaki Frontale (คาวาซากิ ฟรอนตาเล่) ช่วงปี 2007-2016 หลังจากนั้นขยับไปเล่นกับ University of Tsukuba ในระดับมหาวิทยาลัย แล้วกลับมาเล่นอาชีพกับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ในปี 2018 ทว่าเขากลับไม่ยอมเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพ แล้วเลือกไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ก่อนจะกลับมาเซ็นสัญญาอาชีพกับทีมในปี 2020 แล้วกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมในทันที

ฤดูกาล 2020 คาโอรุ มิโตมะ เปิดตัวในเจลีก เกมแรก ด้วยการเป็นสำรอง 25 นาที ในเกมเสมอกับ ซากัน โตสุ 0-0 จากนั้นอีก 3 นัดต่อมา เขาไม่มีชื่อแม้กระทั่งเป็นสำรอง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เกมที่ 5 เป็นต้นไป มิโตมะได้ลงสนามทุกครั้ง จัดการยิง 13 ประตู พ่วงด้วย 13 แอสซิสต์ ช่วยให้ ฟรอนตาเล่ คว้าแชมป์เจลีก ในฤดูกาลนั้นไปครอง พร้อมกับติดทีมยอดเยี่ยมของเจลีกในฤดูกาลดังกล่าว
ฤดูกาล 2021 คาโอรุ มิโตมะ ยังคงอยู่กับ ฟรอนตาเล่ เช่นเดิม เป็นแกนหลักของทีมตลอดทั้งฤดูกาล พลาดการลงเล่นเกมลีกเพียง 3 นัด ยิงได้ 8 ประตู พ่วงด้วย 4 แอสซิสต์ ช่วยให้ทีมป้องกันแชมป์เจลีกได้อีกหนึ่งสมัย นับรวม 62 นัดที่ลงวเล่นกับ ฟรอนตาเล่ เขายิงไปแล้ว 30 ประตู
10 สิงหาคม 2021 ไบรท์ตั้น ที่มองเห็นผลงานดังกล่าว ได้ยื่นซื้อ คาโอรุ มิโตมะ ไปร่วมทีมด้วยสัญญา 4 ปี พร้อมกับส่งไปเก็บเลเวลกับ Union SG ในฤดูกาล 2020/21 แล้วโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ยิง 8 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ ช่วยให้ทีมจบด้วยตำแหน่งจ่าฝูงในฤดูกาลปกติ แต่ได้เพียงรองแชมป์ในรอบเพลย์ออฟ

หลังทำผลงานได้ดีกับ Union SG ในฤดูกาล 2021/22 ต้นสังกัดจริงอย่าง ไบรท์ตั้น เรียกตัวมิโตมะ กลับมาใช้งานในฤดูกาล 2022/23 เปิดตัวนัดแรกกับต้นสังกัด วันที่ 13 สิงหาคม 2022 ในเกมเสมอ  นิวคาสเซิล 0-0 โดย มิโตมะ ลงเป็นสำรองแทนที่ของ ซอลลี่ มาร์ช ในนาที 75
หลังเกมดังกล่าว คาโอรุ มิโตมะ ยังได้โอกาสอยู่เรื่อยๆ ผ่านไปถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2022 พรีเมียร์ลีก นัดที่ พบกับ เชลซี เขาได้ลงเป็นตัวจริงในตำแหน่งปีกซ้าย มี 1 แอสซิสต์ให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ ใส่สกอร์ขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่ 5 นาทีแรก ก่อนจะปิดเกมนั้นด้วยชัยชนะ 4-1
หลังจากเกมดังกล่าว คาโอรุ มิโตมะ กลายเป็นแกนหลักของ ไบรท์ตั้น ในทันที จบฤดูกาล 2022/23 ด้วยการลงเล่น 41 นัดรวมทุกรายการ ยิง 10 ประตู พ่วงด้วย 8 แอสซิสต์

ฤดูกาล 2023/24 (ปัจจุบัน) คาโอรุ มิโตมะ ยังอยู่กับ ไบรท์ตั้น และยังคงเป็นตัวหลักเช่นเดิม โดยออกสตาร์ทไปแล้ว 2 นัด เป็นตัวจริงทั้ง 2 นัด มี 1 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ ช่วยให้ ไบรท์ตั้น เก็บ 6 คะแนนเต็ม
ข้อมูลถึงวันที่ 22 สิงหาคม 2023
#10

คนกรุงเทพทั้งหลาย ที่ทำงานอยู่ในเมือง เมื่อชีวิตเจอกับเรื่องราวมากมายและรู้สึกเครียด สิ่งที่จะช่วยได้ดีที่สุดก็คือการเดินทางไปเที่ยว แต่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีล่ะ เวลาเพียงแค่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะไปเที่ยวที่ไหนได้ เพราะเวลาน้อยเลยเกิน วันนี้เราก็เลยรวบรวมเอาสถานที่เที่ยวที่อยู่ใกล้กรุงเทพ สามารถเดินทางไปกลับได้สะดวก หรือจะเช้า เย็นกลับได้เลย แถมไม่เสียค่าเดินทางสูงเกินไปด้วย
ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ ที่คนนิยมไปเที่ยวเยอะที่สุด

บางแสน จังหวัดชลบุรี เป็นที่เที่ยวอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ ที่อยู่ใกล้กรุงเทพสุดๆ หากคุณอยากจะเที่ยวทะเล แต่ว่ามีเวลาน้อย ก็คงไม่มีทะเลที่ไหนอีกแล้วที่จะเหมาะไปกว่าบางแสน ที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงามไม่น้อยเลย ทั้งหาดทราย และน้ำที่ใสสะอาด ที่สำคัญอาหารก็อร่อยด้วย อย่างน้อยมานั่งพักผ่อนที่ริมหาด ก็ฟินได้เหมือนกัน ขากลับก็แวะซื้อของฝากตลาดหนองมนด้วย ก็จะครบสูตรเลย
วัดเขาวงศ์ จังหวัดสระบุรี วันนี้เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้วย เพราะเคยเป็นที่ประทับของพระนารายณ์มหาราช ความน่าสนใจของวันนี้ก็คือ ความสวยงามและสมบูรณ์ของธรรมชาติ เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เข้ามาแล้วรู้สึกผ่อนคลายได้เยอะเลย
เขาช่องลม จังหวัดนครนายก เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติที่มีความสวยงาม ยิ่งถ้าได้มาเที่ยวตอนหน้าฝนด้วย ก็ยิ่งจะสวยขึ้นไปอีก เพราะว่าป่าทั้งป่า เป็นสีเขียวทั้งหมด มานั่งรับลมเย็นๆ ชมธรรมชาติสวยๆ บอกเลยว่าฟินมาก นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวใกล้เคียงอีกเยอะ เช่น เขื่อนขุนด่านปราการชล น้ำตกนางรอง น้ำตกวังตะไคร้ น้ำตกสาลิกา เป็นต้น
วัดดอนขนาก จังหวัดนครปฐม เป็นวัดที่คนนิยมมาขอพรมากที่สุด และวัดก็สวยงามมาก ทำให้คนกรุงส่วนใหญ่ นิยมมาสักการะบูชาที่นี่ ใครที่เป็นสายทำบุญ อยากให้ลองมาที่วัดดอนขนากดูสักครั้ง แล้วคุณจะหลงรักและอยากจะกลับมาอีก
Sriayuthaya Lion Park จังหวัดอยุธยา เป็นสวนสัตว์ที่เพิ่งจะเปิดมาได้ไม่นาน แต่ว่าก็กลายเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอย่างรวดเร็ว มีสัตว์หลายชนิดที่น่าสนใจ ท่านสามารถเข้ามาให้อาหาร และเยี่ยมชมสัตว์ป่าแบบใกล้ชิดได้ บางชนิดสามารถเข้าไปจับหรือเล่นได้ด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ว่าดีที่สุด และได้รับความนิยมสูงสุดแล้วก็ว่าได้ ของคนกรุงทั้งหลายที่อยากจะเที่ยวในวันหยุด ถ้าจะให้ดีล่ะก็ อยากให้ท่านวางแผนเอาไว้ให้ดีก่อน ว่าเราจะไปไหนบ้าง เพื่อจะได้ใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่ามากที่สุด และเที่ยวที่ได้หลายๆ ที่ คุ้มค่ากับที่อยากจะเที่ยว โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กัน ก็ควรเดินทางไปเที่ยวให้ครบในทีเดียวเลยจะดีที่สุด